25 มีนาคม 2549

.... หนักแผ่นดิน ....



หนักแผ่นดิน



      คนใดใช้ชื่อไทยอยู่ กายก็ดูเหมือนไทยด้วยกัน

ได้อาศัยโพธิทองแผ่นดินของราชันย์ แต่ใจมันยังเฝ้าคิดทำลาย



      คนใดเห็นไทยเป็นทาส ดูถูกชาติเชื้อชนถิ่นไทย

แต่ยังฝังทำกินกอบโกยสินไทยไป เหยียดคนไทยเช่นทาสของมัน



(สร้อย) หนักแผ่นดิน หนักแผ่นดิน คนเช่นนี้เป็นคนหนักแผ่นดิน



      คนใดยุยงปลุกปั่น ไทยด้วยกันหวังให้แตกกระจาย

ปลุกระดมมวลชนให้สับสนวุ่นวาย เพื่อคนไทยแบ่งฝ่ายรบกันเอง



      คนใดหลงชนชาติอื่น ชาติเดียวกันเขายืนข่มเหง

ได้สินทรัพย์เจือจานก็ประหารไทยกันเอง ทีชาติอื่นเกรงดังญาติของมัน



(สร้อย) หนักแผ่นดิน หนักแผ่นดิน คนเช่นนี้เป็นคนหนักแผ่นดิน



      คนใดขายตนขายชาติ ได้โอกาสชี้ทางให้ศัตรู

เข้าทลายพลังไทยให้สลายมางสู้ เมื่อศัตรูโจมจู่เสียทีมัน



      คนใดคิดร้ายราวี ประเพณีของไทยไม่ต้องการ

เกื้อหนุนอคติเชื่อลัทธิอันธพาล แพร่นำมันมาบ้านเมืองเรา



(สร้อย) หนักแผ่นดิน หนักแผ่นดิน คนเช่นนี้เป็นคนหนักแผ่นดิน




.......................


8 ความคิดเห็น:

NOI กล่าวว่า...

แล้วถ้าเป็นคนไทย รับเงินคนไทย มาข่มเหงคนไทยด้วยกันล่ะครับ ;)

พอดีวันนี้ไปอ่านเจอไอ้นี่เข้า เลยสงสัยน่ะ :)

คำเตือน ปล่อยวางทุกความคิดเห็นก่อน ค่อยๆ อ่านและพิจารณา :D

v
v
v

การที่คุณสนธิ นำประเด็นเหล่านั้น มาพูดขยายจนเกินความจริง เพื่อสร้างอารมณ์ร่วม ให้ฝูงชนที่ไม่รู้ข้อมูลทั้งหมดบ้าคลั่ง และใช้กลุ่มคนและองค์กรที่หลงเชื่อคำพูดของคุณสนธิเหล่านี้มากดดันทำให้ประเทศของเราทุกคนแตกแยกนั้น เป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนที่มีใจเป็นกลาง รับไม่ได้

อะไรที่ทำให้คุณสนธิ รอพระราชวินิจฉัยของในหลวง หรือรอการตรวจสอบนายกตามกระบวนการระบบประชาธิปไตยไม่ได้

คำถาม 4 ประเด็นใหญ่ ซึ่งมีคำถามย่อยนับสิบข้อ ที่อยากให้คุณสนธิตอบเหล่านี้ จะค่อยๆปูพื้นให้ทุกคนที่มีใจเป็นกลาง เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ดีขึ้น

(1) คุณสนธิและผู้บริหารของกลุ่มผู้จัดการ บริหารบริษัทเมเนเจอร์ มีเดีย ซึ่งเป็นของมหาชน ด้วยความโปร่งใสหรือไม่ มีการยักยอกเงินเข้ากระเป๋าส่วนตัวของใครหรือเปล่า

กรณีที่ 1 หมู่เกาะ The British Virgin Island ที่คุณสนธิออกมาด่านายกทักษิณปาวๆ คุณสนธิยังจำได้ไหมว่า ใครไปจดทะเบียนบริษัท Manager International Holding Company Limited ที่หมู่เกาะนี้ ด้วยเงินเพียงแค่ 1,000 เหรียญสหรัฐ แต่กลับนำมาขายให้ บริษัท เมเนเจอร์ มีเดีย (มหาชน) ซึ่งเป็นของผู้ถือหุ้นทุกคน
ด้วยเงินถึง 7,228,000 เหรียญสหรัฐ เงินกำไรร่วม 200 ล้านบาทนี้ หายไปอยู่กระเป๋าใคร นอกจากนั้นเงินที่บริษัทเมเนเจอร์ให้บริษัทนี้ยืมไปอีก 700 ล้านบาท หายไปไหน (ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลที่กลุ่มผู้จัดการทำรายงานเองและส่งให้ตลาดหลักทรัพย์เอง ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2547
สามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ตลาดหลักทรัพย์)

กรณีที่ 2 เงินโฆษณากว่า 100 ล้านบาท ซึ่งควรเป็นของผู้ถือหุ้นทุกคน หายไปไหน เมื่อไหร่จะได้คืน ทำไมมีการเปิดบริษัทส่วนตัว ที่ชื่อ เวิลด์ไวด์ มีเดีย ซึ่งก็ตั้งอยู่บนถนนพระอาทิตย์ เพื่อรับเงินค่าโฆษณาแทนบริษัทมหาชน และทำไมบริษัทนี้ถึงอมเงินเอาไว้ และไม่ยอมจ่ายเงินคืนให้บริษัทซึ่งเป็นของมหาชนสักที ทั้งที่รับเงินมา 2-3 ปีแล้ว

ที่น่าสงสัยยิ่งกว่านั้น ทำไมบริษัท เมเนเจอร์ มีเดีย (มหาชน) ถึงยังให้บริษัทนี้ หาโฆษณาและรับเงินแทนอยู่ ทั้งๆที่ก็รู้ว่าบริษัทนี้เบี้ยวเงินมาเป็นปีแล้ว นอกจากนั้น ทำไมบริษัทเมเนเจอร์ มีเดียถึงนับยอดรายได้โฆษณาที่น่าจะได้จากบริษํทเวิลด์ไวด์ มีเดียนี้เป็นหนี้สงสัยจะสูญในทันที จนมีผลทำให้ผลประกอบรวมของบริษัทเมเนเจอร์
มีเดียเองซึ่งควรจะเป็นกำไร กลายเป็นขาดทุน นี่เป็นสาเหตุหรือเปล่า ที่ทำให้ผู้ตรวจสอบบัญชีที่บริษัท เมเนเจอร์ มีเดียจ้างเอง ไม่ยอมเซ็นไว้วางใจบริษัทเมเนเจอร์ มีเดียหลายไตรมาสติดต่อกันแล้ว

(จากข้อมูลที่กลุ่มผู้จัดการ ทำส่งให้ตลาดหลักทรัพย์เอง ระหว่างปี 2547 - 2549)

(2) คุณสนธิและกลุ่มผู้จัดการ ใช้ความเป็นสื่อ บังคับและเบียดบังผลประโยชน์ของรัฐ เข้าตัวหรือเปล่า

หลังจากที่คุณเจิมศักดิ์ และกลุ่มเนชั่นออกมาปูดข่าวว่า รัฐบาลทักษิณช่วยลดหนี้ของกลุ่มผู้จัดการ จาก 20,000 ล้านบาท เหลือแค่ 6,000 ล้านบาท ในปี 2545 แล้ว
คุณสนธิและกลุ่มผู้จัดการได้รับการลดหนี้จากสถาบันการเงินของรัฐ อีกกี่ครั้ง
(เพื่อความเป็นธรรมในการรับรู้ข้อมูล คุณสนธิ ออกมาปฏิเสธว่ากลุ่มผู้จัดการ มีหนี้อยู่ ในขณะนั้น 8,000 กว่าล้านบาท ไม่ใช่ 20,000 ล้านบาทตามที่คุณเจิมศักดิ์กล่าวหา)

ทำไมขณะที่คุณวิโรจน์ นวลแขทำงานที่แบงก์กรุงไทย คุณสนธิถึงได้รับการลดหนี้ที่เคยลดมาแล้วอีก จาก 1,421.73 ล้านบาท เหลือเพียงแค่ 259 ล้านบาท แล้วยิ่งกว่านั้น ทำไมธนาคารกรุงไทย ถึงขนาดยอมให้คุณสนธิไม่ต้องจ่ายคืนเป็นเงินสด โดยยอมกระทั่งให้ใช้คืนเป็นค่าโฆษณาราคาแพง จนเราได้เห็นโฆษณาชุดผู้ใหญ่ลี ที่มีค่าแอร์ไทม์ครั้งละหลายแสนบาท อย่างถี่ยิบ คุณสนธิคิดว่า ธนาคารของรัฐอย่างกรุงไทยมีความจำเป็นต้องโฆษณาตัวเองกับสื่อของคุณสนธิแค่ที่เดียวเป็นร้อยๆ ล้านบาทเลยหรือ

(จากข้อมูลที่กลุ่มผู้จัดการ ทำส่งให้ตลาดหลักทรัพย์เอง ในปี 2547 ดูข้อมูลได้ที่ตลาดหลักทรัพย์)

นอกจากนั้นแล้ว คุณสนธิใช้วิธีไหน ถึงทำให้รัฐวิสาหกิจอื่นของรัฐอย่างเช่น การบินไทย ปตท และบริษัทเอกชนในเครือชินวัตรลงโฆษณาจำนวนมากกับสื่อของผู้จัดการ จนยอดรายได้โฆษณาของกลุ่มพุ่งขึ้นถึงกว่า 40% หลังจากที่นายกทักษิณ เข้ามาบริหารประเทศ

(อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ จากกรณีศึกษาของกลุ่มผู้จัดการ ในรายงานสถานการณ์ด้านสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนในรอบปี 2546 ของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย โดย ผศ. ดร.วิลาสินี พิพิธกุล คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)

(3) การที่คุณสนธิออกมาปลุกระดมมวลชนตอนนี้ แบบถอยหลังไม่ได้ เป็นเพราะกลุ่มผู้จัดการกำลังเกิดวิกฤติทางการเงิน ซึ่งถ้าไม่ได้อำนาจรัฐหรือกลุ่มทุนเข้าช่วยเหลือ อาจถึงขั้นปิดตัวเองเลยใช่หรือเปล่า อะไรที่ทำให้คุณสนธิ อุทานว่า ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง

ประเด็นนี้ต้องศึกษาเงื่อนเวลาอยู่ 2 จุด

ก) ก.ล.ต. ได้ออกกฏมานานแล้วว่า จะถอดถอนบริษัทซึ่งอยู่ในหมวดฟื้นฟูของตลาดหลักทรัพย์ และมี***ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ ออกจากตลาดหลักทรัพย์ ภายในเดือนมีนาคม 2549

ข) ศาลล้มละลายกลาง ได้ยินยอมขยายเวลาแผนฟื้นฟูของบริษัทเมเนเจอร์มีเดียออกไปจากเดิมสิ้นสุดวันที่ 26 กรกฏาคม 2548 กลายเป็นสิ้นสุดวันที่ 3 สิงหาคม 2549 เพื่อให้บริษัทเมเนเจอร์มีเดีย หาผู้ร่วมทุนใหม่มูลค่า 350 ล้านบาทให้ได้ทันตามกำหนด

ซึ่งถ้านำมาเรียงดู จะอ่านได้ง่ายๆดังนี้

ถ้ากลุ่มผู้จัดการหาเงินเพิ่มทุน 350 ล้านบาทไม่ได้ภายในเดือนมีนาคม หรือไม่มีอำนาจจากไหนมาบีบ กลต ให้เปลี่ยนแปลงหรือผ่อนผันกฏ บริษัทเมเนเจอร์มีเดีย มีสิทธิจะโดนถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์เดือนหน้า!

และถ้ายังไม่ได้เงินก่อนเดือนสิงหาคม และศาลไม่ยินยอมให้ขยายเวลาแผนฟื้นฟูบริษัทอีก บริษัทเมเนเจอร์ก็อาจจะต้องปิดตัวเองลง ภายในปีนี้!

คำถามก็คือ ถ้าสมมติว่า เมื่อต้นปีที่แล้ว มีกัลยาณมิตรยอมช่วยคุณสนธิ ตอนนี้คุณสนธิจะวาดภาพให้ประชาชนมองนายกทักษิณเป็นคนชั่วร้ายที่สุด หรือเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดของประเทศไทย

คุณสนธิจะหานักลงทุนปกติที่ไหน มาช่วยลงทุนเงิน 350 ล้านบาท กับบริษัทที่มีหนี้มากกว่าสินทรัพย์ 200 กว่าล้านบาท แถมยังขาดทุนสะสมเพิ่มตลอด และผู้ตรวจสอบบัญชียังไม่รับรองความโปร่งใสอีก

ทำไมเงินกว่าร้อยล้านบาท ที่อยู่ในบริษัทเวิลด์ไวด์มีเดีย ไม่ถูกนำมาใช้ประโยชน์
หรือจ่ายคืนให้บริษํทเมเนเจอร์มีเดีย ซึ่งจะทำให้ฐานะการเงินของบริษัทเมเนเจอร์ดีขึ้นเยอะ และต้องการเงินเพิ่มทุนอีกเพียงแค่ร้อยกว่าล้าน ก็จะมี***ส่วนผู้ถือหุ้นเป็นบวกแล้ว

ตลอดปีที่ผ่านมา คุณสนธิได้ขอร้องให้ใครมาช่วยบ้าง มีใครยอมช่วย และไม่ยอมช่วยบ้าง และคุณสนธิคิดยังไงกับคนที่ไม่ยอมช่วย

ถ้านายกทักษิณไม่ช่วย คุณสนธิก็ต้องหาใครคนอื่น ที่ช่วยคุณสนธิได้ใช่หรือเปล่า

(4) ถ้ากลุ่มผู้จัดการถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์ และไม่ผ่านเกณท์การฟื้นฟูบริษัทในกลางปีนี้ จนอาจถูกเจ้าหนี้บังคับให้ปิดตัวเองลง คุณสนธิ จะปลุกระดมคนว่า รัฐบาลคุกคามสื่อหรือเปล่า

เมื่อไหร่คุณสนธิถึงจะหยุด หรือประเทศจะแตกแยกกันอีกเท่าไหร่คุณสนธิก็ไม่สนใจ ขอเพียงธุรกิจของคุณสนธิยังอยู่ได้ แค่นั้นเองหรือ

ถ้าคุณสนธิตอบได้ทุกประเด็น และทุกคำถามย่อย คุณสนธิถึงจะเคลียร์ตัวเองได้ว่า การปลุกระดมคนครั้งนี้ ไม่ได้ทำเพื่อตัวคุณสนธิเอง โดยหลอกใช้ประชาชนนับแสนเป็นเครื่องมือ

หมายเหตุ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ตรง *** คืออะไรนะครับ

ป.ล. ผมติดตามพฤติกรรมเว็บ manager.co.th มาประมาณสองปีแล้ว รู้สึกว่ามันมีอะไรแหม่งๆ อยู่นานแล้ว ก่อนที่จะมีการก่อม๊อบครั้งนี้ครับผม ;)

donga กล่าวว่า...

อืม ในความเห็นของผมนะครับ
ประเด็นหลาย ๆ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณสนธินี่ต้องยอมรับว่าตอนนี้ความรู้สึกของผู้ชุมนุมมันเกินกว่าที่จะมานั่งแคร์ในส่วนนี้แล้วนะครับ

> ==========
คำถามก็คือ ถ้าสมมติว่า เมื่อต้นปีที่แล้ว มีกัลยาณมิตรยอมช่วยคุณสนธิ ตอนนี้คุณสนธิจะวาดภาพให้ประชาชนมองนายกทักษิณเป็นคนชั่วร้ายที่สุด หรือเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดของประเทศไทย
> ==========

ตรงนี้ผมติดใจตรงคำว่า "วาดภาพ" มากที่สุดครับ
อย่างหนึ่งต้องยอมรับก่อนว่า คุณสนธิเค้ามีสื่ออยู่ในมือ, มีสายข่าวอยู่มากมาย และด้วยความที่รู้จักกันกับบรรดานักการเมืองทั้งหลายเป็นการส่วนตัวนั่น ผมเชื่อว่าอย่างไรเสียคุณสนธิก็ต้องมีข้อมูลหลาย ๆ อย่างที่ทะแม่ง ๆ เกี่ยวกับคนที่เค้ากล่าวหาพอสมควร
ดังนั้นเมื่อสามารถปลุกเร้าความรู้สึกคนได้อย่างกว้างขวาง มีพันธมิตรเข้ามาร่วม มีหลาย ๆ คน หลาย ๆ ส่วนที่ต้องบอกว่ามีความรู้ความสามารถเข้ามาเป็นพวกนี่ ทำให้เกิดกระบวนการตรวจสอบฝ่ายที่โดนคุณสนธิอย่างกว้างขวางและหนักหน่วง และน่าจะเกินกว่าคำว่า "วาดภาพ" ไปแล้วครับ

มาถึงตอนนี้ผมเชื่อว่าข้อมูลที่ส่อเค้าทะแม่ง ๆ ตั้งแต่ต้น มันเริ่มโดนขุดคุ้ย เริ่มโดนตรวจสอบ คนเริ่มไม่ไว้วางใจกันเป็นวงกว้างแล้ว จะว่าดีก็ดีในแง่การตรวจสอบรัฐบาลในยุคที่มีรัฐบาลเสียงข้างมากเช่นนี้ จะว่าไม่ดีก็ไม่ดี หากมองว่าคุณสนธิเสียประโยชน์จึงต้องดึงประชาชนมาเป็นส่วนร่วม

แต่ตอนนี้ ในความคิดของผมเห็นว่า ..
กระบวนการในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรย์เป็นประมุขของประเทศเรา เริ่มมีการจะพิสูจน์ตัวของมันเองแล้วว่า แนวทางประชาธิปไตยในบ้านเราจะเดินทางไปสู่ทิศทางใด บ้านเมืองของเราจะหยุดวิกฤตินี้ได้อย่างไร .. อันนี้ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ

ขอยืนยันความเห็นครับ ..
"ไม่ว่าคุณสนธิจะมีเจตนาแฝงอย่างไรก็แล้วแต่ แต่บัดนี้อารมณ์ของคนที่อยู่ฝั่งคุณสนธินั่นได้ถูกจุด และลุกโชนไปไกลเกินขอบเขตแค่ประเด็นเริ่มต้นของคุณสนธิแล้วล่ะครับ"

** ความเห็นส่วนตัวล้วน ๆ นะครับคุณหน่อย แหะ ๆ จุ๊บ ๆ **

donga กล่าวว่า...

" คนใดยุยงปลุกปั่น ไทยด้วยกันหวังให้แตกกระจาย
ปลุกระดมมวลชนให้สับสนวุ่นวาย เพื่อคนไทยแบ่งฝ่ายรบกันเอง"

มองเนื้อร้องท่อนนี้น่าจะ "ผิดทุกฝ่าย" ครับ
ดังนั้นคงต้องมาพิจารณาตัดสินจากเจตนาแทนครับ (ทั้ง 2 ฝ่าย)

donga กล่าวว่า...

รู้สึกกระบวนการเรียบเรียงความคิดออกมาเป็นตัวหนังสือของผมนี่มันแย่ ๆ แฮะ คือคิดแล้วเขียน เขียนไปแล้วก็ลืมที่เรียบเรียงไว้ในหัว :P

NOI กล่าวว่า...

ผมก็ว่ามันผิดกันทุกฝ่ายนั่นแหละครับ ผมยังคงเกลียดทักษิณอยู่ แต่ทุกวันนี้ผมเกลียดสนธิยิ่งกว่า เพราะพี่แกบอกว่ารักในหลวง แต่ไม่เคยนึกบ้างเลยว่าไอ้ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ทำให้พระองค์ท่านสบายพระราชหฤทัยหรือเปล่า

ผมสรุปสั้นๆ ยืนยันจุดยืนของผมคือ "ให้กรรมตัดสินการกระทำของแต่ละคน" ผมเคยอธิษฐานไว้ว่า ไม่ว่าจะเป็นทักษิณ หรือสนธิ หรือใครก็ตาม หากมันบังอาจทำให้พระองค์ท่านระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ก็ขอให้พวกมันทั้งตระกูลไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ... (เพื่อนผมคนนึงบอกว่า ไปอยู่บนแอร์ฟอร์วันก็ได้วะ .. เอากะมันสิ ฮ่า ฮ่า ฮ่า)

donga กล่าวว่า...

ผมก็ไม่เห็นด้วยกับทุกฝ่ายแหละครับ และก็ไม่เคยไปร่วมชุมนุมซักครั้ง อันเนื่องมาจากการที่ไม่รู้ถึงเจตนาแอบแฝงอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่ให้ความเห็นไปก็เป็นไปตามคำถามของคุณหน่อยแหละครับ.. แต่วันนี้ถ้าถามผมว่าจะเข้าข้างฝ่ายไหน ผมจะตอบว่า "ผมอยากจะถามหาความรับผิดชอบของ รก.นายกฯ และ รก.คณะรัฐมนตรี ปัจจุบันนี้" ถ้าไม่รับผิดชอบ "ผมก็อยากจะร่วมขับไล่" นี่ก็คือเจตนาผมครับ

การที่ผมโพสต์หัวข้อ "หนักแผ่นดิน" นี้ ก็เนื่องจากผมมีอคติกับรัฐบาลนี้ในเรื่องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ อยู่เป็นทุนเดิมแล้วนะครับ ประกอบกับศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินพิพากษาให้ เพิกถอนยกเลิก พ.ร.ฎ.แปรรูป กฟผ.ทั้ง 2 ฉบับ อันเนื่องจากขัดต่อกฎหมาย (ผมฟังผ่านทางวิทยุตั้งแต่ต้นจนจบครับ) ย่อมชี้ชัดแล้วว่าเรื่องนี้ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ (ในที่นี้คือ รักษาการนายกฯ) ต้องรับผิดชอบต่อความผิดพลาดนี้ แม้ว่าศาลปกครองสูงสุดจะมิได้พิพากษาลงโทษ อันเนื่องมาจากอำนาจของศาลปกครองสูงสุดที่ทำได้เพียงวินิจฉัยพิพากษาว่าขัดต่อกฏหมายหรือไม่เท่านั้นก็ตาม

แต่ที่แทงใจผมมากที่สุดก็เนื่องจากการที่ รก.นายกฯ ท่านนี้ได้ให้สัมภาษณ์ในเชิงบอกปัดความรับผิดชอบนี่แหละ ซึ่งเป็นเสมือนการละเมิดต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นที่รักยิ่งของเราชาวไทย มันทำให้ผมถึงกับน้ำตาซึม

---------------------------------------------------------------------------

ละเมิดมิได้
....
การที่พระมหากษัตริย์จะทรงถูกละเมิดมิได้มี 2 นัย คือ การละเมิดต่อพระวรกาย เช่น การแตะต้องพระวรกาย การจับกุมองค์พระมหากษัตริย์ การประทุษร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ หรือการดูหมิ่นดูแคลนองค์พระมหากษัตริย์ ไม่ว่าจะด้วยกาย วาจา จากบุคคล กลุ่มบุคคล องค์กร หรือหน่วยงานใด ๆ

และนัยที่ 2 ด้วยพระราชสถานะที่ทรงอยู่เหนือการเมือง ไม่ทรงกระทำการใดทางการเมืองด้วยพระองค์เอง แม้แต่การใช้อำนาจอธิปไตยอันเป็นอำนาจทางการเมืองที่สูงที่สุดที่ทรงใช้อำนาจนิติบัญญัติทางรัฐสภา อำนาจบริหารทางคณะรัฐมนตรี และอำนาจตุลาการทางศาล จะเกิดความผิดพลาดใด ๆ ขึ้น ก็มิได้ถือว่าทรงกระทำผิด ผู้รับผิดชอบคือ "บุคคลที่ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ" พระมหากษัตริย์จึงมิอาจถูกกล่าวหาหรือฟ้องร้องในกรณีใด ๆ ได้ และเป็นไปตามหลักที่ยึดมาแต่โบราณว่า พระมหากษัตริย์ทรงกระทำผิดมิได้ (The King Can Do No Wrong)

เรื่องที่ต้องมีผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการได้แก่ รัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกา พระราชหัตถเลขา พระบรมราชโองการ อันเกี่ยวกับนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ อันเป็นราชการแผ่นดิน

ผู้รับลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่ละเรื่องแต่ละกรณีเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ได้แก่ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ประธานรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา และประธานองคมนตรี ผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการลงนามรับสนองฯ นั้นโดยตรง.
...
จากหนังสือ "พระราชอำนาจ" (ประมวล รุจนเสรี - หน้า 60)

---------------------------------------------------------------------------

ครับ ขอร่วมอนุโมทนาต่อจิตอธิษฐานของคุณหน่อยด้วยคนครับ :D

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ยังไงก็แล้วแต่วันนี้ผมเตรียมตัวไปเลือกตั้งแล้วครับ และก็คงเลือกช่อง vote no vote

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

What a great site » »